SUCCESS STORIES


Qatar Airways
ณัฐ พัฒนศิริ (วิคเตอร์)
"การเดินทางไขว่คว้าปีกของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ผมจัดแจงหาร้านถ่ายรูป ฝึกความพร้อมด้วยตัวเองเป็นอย่างดี และก้าวเข้าไปสัมภาษณ์กับ QATAR รอบเมคติด้วยความมั่นใจเต็มร้อย แต่กลับตก Prescreening มาแบบงงๆ ความมั่นใจที่มีเต็มในตอนแรกเริ่มเสียไป และถ้าหากยังจำกันได้ ในรอบเดือนเดียวกันที่ QATAR มาอีกครั้ง ผมคิดว่าผมปรับปรุงตัวเอง เตรียมตัวพร้อมมากขึ้นจนผ่านพรีสกรีนคุณโรเซน เข้าไปได้ แต่สุดท้ายก็กลับไปตกม้าตายตอนทำ Impromptu Speech ทั้งๆที่ก่อนเข้าห้องเพื่อนบอกว่า "มันง่ายจะตาย นายน่ะเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษนะ"
ตอนนั้นผมยอมรับตามตรงครับว่าเสียศูนย์ไปเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดอะไร จนพาลเสียความมั่นใจไปซะทุกเรื่อง แต่ก็นั่นเองที่เป็นจังหวะพอเหมาะ เพื่อนซึ่งติดปีกสำเร็จเพราะพี่นกถึงสองคน ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับ Ready to Fly
ความประทับใจแรกเมื่อคุยกับพี่นกผ่านโทรศัพท์ พี่นกสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและใส่ใจ ทั้งที่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ นั่นคือเหตุผลง่ายๆเลยที่ทำให้ผมตัดสินใจมาเรียนที่ Ready to Fly สถานที่ที่นอกจากจะทำให้ผมค้นพบเทคนิคการฝ่าฟันทุกขั้นตอนการสัมภาษณ์แล้ว ยังทำให้ผมรู้จักตัวตนที่แท้จริงและนำเสนอตัวเองอย่างมั่นใจ
จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 14 กันยา ที่ผมเดินเข้าไป Prescreen ที่ Kuala Lumpur (ความรู้สึกประหนึ่งว่าตัวเองเป็นตัวแทนทีมชาติไทย 555) แน่นอนว่าตื่นเต้นมาก แต่คำสอนที่พี่นกย้ำเตือนเสมอคือ "ให้ระลึกถึง และ ภาคภูมิใจในคุณงามความดี ความสามารถของตัวเองนะเต้อ" มันทำให้ผมยิ้มอย่างสบายใจ และกล้าสื่อสารอย่างจริงใจให้กรรมการเห็นถึงเนื้อแท้ของเรา แน่นอนครับว่า การเข้าไปอยู่ท่ามกลาง candidates นานาชาติ (มาเลย์ ฟิลิปปินส์ ไทย ปากีสถาน คาซัคสถาน เกาหลี ฯลฯ) มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่โดยธรรมชาติของวิธีการเฟ้นหาลูกเรือ QATAR ในครั้งนี้มันหินจริงๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น Essay "If I could turn back time, I would..." หรือ Impromptu Speech แต่ละหัวข้อที่อย่างกับไว้ใช้เป็นคำถามนางงาม แต่เหนือสิ่งอื่นใด การเรียนกับพี่นกทำให้ผมมองขาดว่าสายการบินกำลังคัดสรรคนแบบไหน และแน่นอนว่าสิ่งที่พี่นกสอนมานั้นช่วยสร้างความพร้อมให้ผมมั่นใจในทุกขั้นตอนของการคัดเลือก
แม้ใน Final Interview รอบผมนั้นจะไม่ได้มีคำถามยากๆยาวๆอะไรเลย นอกจากถามว่ายินยอมจะปฏิบัติตามกฏของสายการบินมั้ย แต่ผมมั่นใจว่าเพราะสิ่งที่พี่นกปลูกฝังมานั้น มันทำให้ผมยิ้มตอบกรรมการไปอย่างจริงใจ (และสั้นกว่าคำถามว่า) "Yes sure." เพราะเรารู้สึกพร้อมจริงๆที่จะบินไปกับเค้า ซึ่งกำลังสำคัญที่ทำให้ผมมีความพร้อมนี้ได้ก็ไม่ใช่ใครครับ พี่นก Ready to Fly นั่นเอง"